คู่มือการอ่าน
มอเตอร์คอมเพรสเซอร์อาจไหม้ได้หลายสาเหตุ ซึ่งอาจนำไปสู่สาเหตุทั่วไปของอาการไหม้ของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ได้แก่ การทำงานเกินกำลัง ความไม่เสถียรของแรงดันไฟฟ้า ฉนวนไฟฟ้าเสียหาย ตลับลูกปืนเสียหาย ความร้อนสูงเกินไป ปัญหาการสตาร์ท กระแสไฟฟ้าไม่สมดุล มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ข้อบกพร่องด้านการออกแบบหรือการผลิต เพื่อป้องกันคอมเพรสเซอร์มอเตอร์ไหม้ จำเป็นต้องมีการออกแบบระบบที่เหมาะสม การทำงานและการบำรุงรักษาตามปกติ การตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ามอเตอร์ทำงานได้อย่างเสถียรภายในช่วงโหลดที่ปลอดภัย หากพบสิ่งผิดปกติใดๆ ควรดำเนินการตรวจสอบและซ่อมแซมทันทีเพื่อป้องกันมอเตอร์ไหม้
สาเหตุที่มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ไหม้
1. การทำงานโอเวอร์โหลด:คอมเพรสเซอร์การทำงานเกินโหลดที่กำหนดเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้มอเตอร์ร้อนเกินไปและไหม้ในที่สุด ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การออกแบบระบบที่ไม่เหมาะสม ข้อผิดพลาดในการทำงาน หรือภาระที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
2. ความไม่เสถียรของแรงดันไฟฟ้า: หากแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายมีความผันผวนมาก เกินช่วงแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดของมอเตอร์ มอเตอร์อาจร้อนเกินไปและเสียหายได้
3. ความล้มเหลวของฉนวน: หากวัสดุฉนวนภายในมอเตอร์ได้รับความเสียหาย อาจทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเส้นทางที่ผิดปกติ ส่งผลให้มอเตอร์ร้อนเกินไปและไหม้ได้
4. ตลับลูกปืนเสียหาย: ตลับลูกปืนเป็นส่วนสำคัญของการทำงานของมอเตอร์ หากตลับลูกปืนเสียหายหรือมีการหล่อลื่นไม่ดี จะทำให้มอเตอร์รับภาระมากขึ้น ส่งผลให้มอเตอร์ร้อนเกินไปหรืออาจถึงขั้นไหม้ได้
5. ความร้อนสูงเกินไป: การทำงานในระยะยาว อุณหภูมิโดยรอบที่สูง การกระจายความร้อนที่ไม่ดี และปัจจัยอื่นๆ อาจทำให้มอเตอร์ร้อนเกินไป จนอาจเกิดการไหม้ในที่สุด
6. ปัญหาการสตาร์ท: หากมอเตอร์สตาร์ทบ่อยครั้งหรือกระบวนการสตาร์ทผิดปกติ อาจทำให้เกิดไฟกระชากจนทำให้มอเตอร์ไหม้ได้
7. ความไม่สมดุลของกระแสไฟฟ้า: ในมอเตอร์สามเฟส หากกระแสไฟฟ้าสามเฟสไม่สมดุล จะทำให้มอเตอร์ทำงานไม่เสถียร ซึ่งอาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไปและเกิดความเสียหายได้
8. มลภาวะทางสิ่งแวดล้อม: หากมอเตอร์สัมผัสกับ: ฝุ่นละออง ความชื้น ก๊าซกัดกร่อน และสภาพแวดล้อมที่รุนแรงอื่นๆ อาจส่งผลต่อการทำงานปกติของมอเตอร์ และอาจทำให้เกิดการไหม้ได้ในที่สุด
วิธีการเปลี่ยน
ก่อนที่จะเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ใหม่ ควรทำการตรวจสอบระบบอย่างละเอียดเพื่อระบุและแก้ไขปัญหาต่างๆ และให้แน่ใจว่าคอมเพรสเซอร์ใหม่คอมเพรสเซอร์ สามารถดำเนินงานในระบบที่สะอาดและมีสุขภาพดีได้ มีการดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถกลับสู่การทำงานปกติได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
1. ปิดเครื่องและความปลอดภัย: ขั้นแรก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตัดการเชื่อมต่อแหล่งจ่ายไฟเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน ปิดระบบสารทำความเย็นเพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อตและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอื่นๆ
2. ถ่ายสารทำความเย็นออก: ใช้อุปกรณ์กู้คืนสารทำความเย็นระดับมืออาชีพเพื่อระบายสารทำความเย็นที่เหลืออยู่ในระบบ วิธีนี้ช่วยป้องกันการรั่วไหลของสารทำความเย็นและมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
3. การถอดประกอบและทำความสะอาด: ถอดประกอบคอมเพรสเซอร์ที่ไหม้หรือทำงานผิดปกติ และทำความสะอาดระบบสารทำความเย็นส่วนที่เหลือให้สะอาดหมดจด รวมถึงคอนเดนเซอร์ อีวาโปเรเตอร์ และท่อ วิธีนี้จะช่วยกำจัดสิ่งปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ใหม่
4. เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์: เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ใหม่ และตรวจสอบให้แน่ใจว่ารุ่นและข้อมูลจำเพาะเหมาะสมกับระบบ ก่อนเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ ควรตรวจสอบส่วนประกอบอื่นๆ ในระบบให้มั่นใจว่าไม่มีความเสียหายหรือปนเปื้อน
5. การสกัดสูญญากาศของระบบ: ก่อนที่จะประกอบคอมเพรสเซอร์ใหม่ อากาศและสิ่งสกปรกในระบบจะถูกระบายออกโดยใช้ปั๊มสูญญากาศเพื่อให้แน่ใจว่ามีสุญญากาศและมีเสถียรภาพภายในระบบ
6. เติมสารทำความเย็น: หลังจากตรวจสอบสุญญากาศของระบบแล้ว ให้เติมสารทำความเย็นชนิดและปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารทำความเย็นถูกเติมในความดันและปริมาณที่ถูกต้อง
7. การตรวจสอบและทดสอบระบบ: หลังจากติดตั้งคอมเพรสเซอร์ใหม่แล้ว ให้ตรวจสอบและทดสอบระบบเพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้ตามปกติ ตรวจสอบความดัน อุณหภูมิ อัตราการไหล และพารามิเตอร์อื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วไหลหรือความผิดปกติอื่นๆ
8. เริ่มระบบ: หลังจากยืนยันว่าทุกอย่างเป็นปกติแล้ว คุณสามารถรีสตาร์ทระบบสารทำความเย็นได้ ตรวจสอบการทำงานของระบบเพื่อให้มั่นใจว่าระบบมีเสถียรภาพ
เวลาโพสต์: 21 ก.ย. 2566